นกมีวิวัฒนาการมานานหลายล้านปีเพื่อให้สามารถบินในอากาศ
ซึ่งเป็นประโยชน์ในการหาอาหาร ทำรังวางไข่ หลบหลีกศัตรู และย้ายถิ่นอาศัย
โดยนกต้องพึ่งพาปีกซึ่งพัฒนามาจากขาหน้า เป็นเครื่องมือสำคัญในการบิน
2. การบินทรงตัวอยู่กับที่ (hovering) เป็นการบินโดยกระพือปีกเร็วๆ จนเกิดแรงยกต้านแรงโน้มถ่วงของโลก ให้ทรงตัวนิ่งอยู่กลางอากาศ ส่วนใหญ่เป็นนกตามทุ่งโล่ง เช่น เหยี่ยวขาว นกกะเต็นปักหลัก
3. การบินร่อนลดระดับ (gliding) เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดของการบิน เพียงทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างหน้าให้มากกว่าแรงต้านทานของอากาศ นกก็สามารถร่อนและลดระดับลงต่ำได้
4. การบินร่อนรักษาระดับ (soaring) ส่วนใหญ่ต้องเป็นนกขนาดใหญ่ ถึงจะร่อนแบบนี้ได้โดยไม่เสียการทรงตัว นกอินทรีจะอาศัยอากาศร้อนที่ลอยตัวขึ้นจากพื้นดิน ช่วยพยุงตัวให้ร่อนอยู่กลางอากาศ ส่วนนกทะเลจะใช้ กระแสลมช่วยพัดตัวพุ่งไปข้างหน้า และจะร่อนอยู่ด้วยแรงเฉื่อย จนมีกระแสลมพัดมาใหม่
ปีกแคบและยาว เหมาะสำหรับการร่อนโดยเฉพาะ พบในนกทะเลที่ชอบร่อนเหนือน้ำทั้งวัน โดยแทบไม่กระพือปีกเลย เช่น นกโจรสลัด
ปีกแบบ เรียวบาง และลู่ไปทางด้านท้าย ช่วยให้บินได้เร็วและเลี้ยวไปมาอย่างคล่องแคล่ว พบในนกที่บินหากินตลอดเวลา เช่น นกนางแอ่น และนกที่บินย้ายถิ่นเป็นระยะทางไกล ๆ เช่น นกชายเลน
ปีกโค้งใหญ่และปลายขนปีกแยกจากกัน สำหรับร่อนที่สูง ช่วยให้นกบินลอยตัวได้สูงขึ้น และร่อนตามลมได้ดี พบในนกขนาดใหญ่ที่ร่อนหากินระดับสูง เช่น นกอินทรี แร้ง ปีกแคบและสั้น
เหมาะสำหรับบินเร็วๆ ช่วงสั้นๆ ส่วนใหญ่พบในนกที่อาศัยอยู่ตามป่า เช่น นกเขา
นกปรอด ความยาว 2.50 นาที |