เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม
เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ
เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ เมืองนั้นไม่เพริศพิสมัย
เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน
จาก: เมืองกังวล. ร.6.
|
เป็นสาวแส้แร่รวยสวยสะอาด ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า
แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง
จาก: สุภาษิตสอนหญิง
|
เป็นสาวแส้แร่วิ่งมาชิงผัว อันความชั่วดังเอามีดมากรีดหิน
ถึงจะคิดปิดหน้าสิ้นฟ้าดิน ก็ไม่สิ้นสุดอายเป็นลายลือ
จากพระอภัยมณี
|
เป็นผู้หญิงแท้จริงแสนลำบาก เป็นผู้ชายยิ่งยากกว่าหลายเท่า
หญิงต้องเจียมกายามาแต่เยาว์ ชายต้องเฝ้าวิงวอนให้หล่อนรัก
หญิงถึงรักต้องแสร้งแกล้งทำเฉย หวังให้ชายอยากเชยยิ่งขึ้นหนัก
ต่างคนต่างซัดกันน่าขันนัก ที่แท้ต่างสมัครจะรักกัน
วิสัยหญิงต้องอายยั่วชายชิด หญิงย่อมดัดจริตจิตชายสั่น
ถ้าแม้นรักจริงแล้วไม่แคล้วกัน เสน่ห์พันผูกจิตชิดชมเอย
จาก วิวาหพระสมุท
|
" ไม่ "
ก่อนควักจ่าย ให้คำนึง
คิดถึงเหงื่อ ของแม่-พ่อ
ก่อนทำผิด จงคิดต่อ
อนาคตส่อ เป็นเช่นใร
เพื่อนไหน พาไปชั่ว
จงถอนตัว หลีกหนีไกล
คำหนี่ง พึงจำไว้
ตอบว่า "ไม่" เพียงคำเดียว
ใครตื้อ ให้ชั่วต่อ
คนนั้นส่อ ร้ายแน่เชียว
เลิกคบ เลิกร่วมเที่ยว
เพื่อนรักเดียวมีถมไป
เพื่อนไหนพาไปชั่ว
จงถอนตัวหนีเร็วไว
อนาคตยังอีกไกล
อย่าให้จบ เพราะคบกัน
.บุญมา
|
ลืมเสียเถิด
แม้หากเขารักเราบ้าง
คงไม่ค้างตอบจดหมาย
เขาไม่รักจะฝากกาย
จึงใจร้ายแสร้งละเลย
จะมัวรักอยู่ทำไม
ทำห่างไกลและเฉยเฉย
ก่อนนี้ก็ไม่เคย
จะมีเขาอยู่เคียงใจ
แม้เป็นคู่ชื่นชูจิต
คงสนิทโดยเร็วไว
ไม่ใช่คู่จึงดูไร้
ซึ่งไมตรีดีต่อกัน
จงลืมเขาเสียเถิด
เราใช่เกิดเป็นคู่ขวัญ
จะตรมใจไปทุกวัน
จงสร้างสรรค์แต่ความดี
รอพบกับคนใหม่
คงไม่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี
หากใครจะปรานี
ชีพจะพลีเพื่อรักเธอ .
บุญมา
|
เสียดาย
พบเธอวันหนึ่งซึ้งหนัก
นึกรักนึกชอบลอบหวัง
รักแรกแทรกจิตปิดบัง
พลังความรักชักแรง
ปะทะคารมสมคิด
เข้าจิตเข้าใจจะแจ้ง
น้ำ ใจสายตาแสดง
แห้งแล้งไมตรีนิยม
ทำดีต่อไปไม่หยุด
ที่สุดความดีมิสม
วิเคราะห์ผลลัพธ์กลับตรม
ทุ่มถมรักไปหายลับ
เสียดายรักนี้บริสุทธิ์
มีจุดด่างพร้อยรอยดับ
พลังรักลาญผลาญยับ
ประทับตราหมองครองใจ
เสียแรงหลงรักนักหนา
เสียแรงห่วงหาร่ำไห้
เสียแรงคิดถึงเหนือใคร
เสียแรง เสียใจ เสียดาย
บุญมา
|
มองข้าม
อันความหวังพังทลายไปสิ้นแล้ว
ไม่เหลือแววแห่งหวังดังที่ฝัน
มันสูญสิ้นสวาทหายคลายสัมพันธ์
นับแต่วันแรกพบไม่ครบเดือน
เพียงได้มองมั่นหมายใจสมัคร
เพียงแอบรักเขาไว้หาใดเหมือน
เพียงละเมอเพ้อฝันอันลางเลือน
เพียงเยี่ยมเยือนด้วยใจไปถึงเธอ
อยากจะยิ้มหรือทักมักปั่นป่วน
ยามเดินสวนอยากมองต้องแสร้งเผลอ
ทำเป็นไม่สนใจที่ได้เจอ
แท้จริงเพ้อพร่ำหาทุกนาที
เขาเดินผ่านไปไกลไม่หันกลับ
ยืนแลลับหายพรากจากวิถี
เขาไม่เคยสนใจหรือใยดี
ในไมตรีผ่องผุดสุดจำนรรจ์
เธอรู้ดีฉันนี้รักเธอยิ่ง
แต่ว่าสิ่งได้รับกลับเพียงฝัน
จะหวังปองหมองใจทำไมกัน
เมื่อเขานั้นมองข้ามความรักจริง
บุญมา
|
สับสน
พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านสอนไว้
จงเชื่อผู้ใหญ่ไม่หน่ายหนี
ท่านผ่านพบประสบการณ์มานานปี
รู้ชั่วรู้ดีลองมามากมายแล้ว
ฟังดูก็สมเหตุสมผล
แต่สับสนจะปักใจไห้แน่แน่ว
ไม่แน่ใจในผู้ใหญ่ที่นอกแนว
ข่าวที่แล้วเฒ่าข่มขืนหลานตนเอง
ครูทำอนาจารเด็กนักเรียน
เด็กถูกเวียนเทียนถูกข่มเหง
บ้างถูกหลอกเข้าผับฟังเพลง
หลอกไปเล่นป๊อกเด้งในม่านรูด
แล้วจะให้เชื่อผู้ใหญ่ได้อย่างไร
จะเชื่อในพระสงฆ์ไม่อยากพูด
เทศน์กาเมตอนกลางวันในพระสูตร
ตกกลางคืนสวมสูทมุดมุ้งสาว
อนาถใจมองทางไหนก็วังเวง
เด็กเหมือนคว้างเคว้ง อยู่กลางหาว
ควรเร่งเสริมศีลธรรมให้ยืนยาว
สอนศีลธรรมทุกค่ำเช้า
ทุกวิธี.
บุญมา
|
เกิดเป็นคนต้องทนให้เขาด่า
จะทำดีหรือทำบ้าถูกด่าหมด
ทำตรงตรงก็ด่าว่าไม่คด
ทำเลี้ยวลดก็ด่าว่าไม่ตรง
(นิรนาม)
อันหญิงดีที่เป็นศรีภรรยา
กำหนดไว้ในตำราว่าเป็นสี่
หนึ่งเลี้ยงดูภัสดาด้วยปรานี
หนึ่งร่วมทุกข์สุขมีเสมอกัน
หนึ่งนั้นเคารพนบนอบผัว
หนึ่งยอมตัวให้ใช้ไม่เดียดฉันท์
จึงอยู่เย็นเป็นสุขทุกคืนวัน
ด้วยผัวนั้นวางใจที่ในตัว
(มเหษีเจ้าล้านช้างสอนธิดา)
เรื้องแค่คืบสืบต่อพอครบศอก
ขยายออกเป็นว่าโกลาหล
ปากกานั้นยังสั้นกว่าปากคน
เสียงปืนกลก็ยังด้อยกว่าถ้อยคำ
(นิรนาม)
ความรักของข้า
เหมือนหญ้าแฝงอยู่ภูเขาใหญ่
แม้จำนวนมากมายเพียงไร
แต่ใครเล่า จะรู้
(โอโนะ โยโนชุกิ)
|